3 จุดควรระวังในการทำช็อคเวฟ (Shockwave)

การรักษาด้วยช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) มีข้อห้ามและข้อควรระวังที่สำคัญซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีเงื่อนไขทางสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น 3 จุดห้ามที่สำคัญในการทำช็อคเวฟมีดังนี้:
1. บริเวณกกหูเกิดจากความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญในบริเวณนั้น ซึ่งมีเหตุผลหลักดังนี้:1.1 ความใกล้ชิดกับสมอง • กกหูเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับสมองมาก การใช้ช็อคเวฟในบริเวณนี้อาจทำให้คลื่นกระแทกส่งผ่านไปถึงสมอง ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อระบบประสาทได้1.2 เส้นประสาทสำคัญ • ในบริเวณกกหูมีเส้นประสาทสำคัญหลายเส้น รวมถึงเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินและการทรงตัว การใช้ช็อคเวฟอาจเสี่ยงทำให้เส้นประสาทเหล่านี้ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจนำไปสู่อาการมึนงง สูญเสียการทรงตัว หรือสูญเสียการได้ยิน1.3 หูชั้นในและหูชั้นกลาง • บริเวณกกหูมีอวัยวะที่สำคัญต่อการได้ยิน เช่น หูชั้นในและหูชั้นกลาง ซึ่งเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน การใช้ช็อคเวฟในบริเวณนี้อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะเหล่านี้และส่งผลต่อการได้ยินอย่างถาวรด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงห้ามใช้ช็อคเวฟในบริเวณกกหูเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
2. บริเวณที่มีแผล เกิดจากความเสี่ยงหลายประการที่อาจทำให้แผลแย่ลงหรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังนี้:
2.1 ความเสี่ยงในการทำให้แผลเปิดหรือแย่ลง • การใช้ช็อคเวฟในบริเวณที่มีแผลอาจทำให้แผลที่กำลังหายถูกกระตุ้นด้วยแรงกระแทกจากคลื่นช็อคเวฟ ซึ่งอาจทำให้แผลเปิดหรือแย่ลงได้ นอกจากนี้ แรงสั่นสะเทือนอาจทำให้เกิดการฉีกขาดหรือการอักเสบเพิ่มเติม2.2 เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ • แผลที่เปิดหรือยังไม่หายสนิทมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้น การใช้ช็อคเวฟอาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของแบคทีเรียหรือสิ่งปนเปื้อนในบริเวณแผล ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้2.3 การฟื้นฟูช้าลง • คลื่นช็อคเวฟอาจรบกวนกระบวนการฟื้นฟูตามธรรมชาติของเนื้อเยื่อในบริเวณที่มีแผล ทำให้การฟื้นตัวช้าลง หรืออาจทำให้เกิดพังผืดและแผลเป็นที่ไม่พึงประสงค์เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ การห้ามใช้ช็อคเวฟในบริเวณที่มีแผลจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจทำให้แผลแย่ลงหรือเกิดอันตรายต่อตัวผู้ป่วย3. บริเวณที่มีเส้นเลือดดำอุดตัน (Deep Vein Thrombosis หรือ DVT) เกิดจากความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้ป่วย ดังนี้:
3.1 ความเสี่ยงในการทำให้ลิ่มเลือดหลุด
• การใช้ช็อคเวฟในบริเวณที่มีเส้นเลือดดำอุดตันอาจทำให้ลิ่มเลือดที่อยู่ในเส้นเลือดหลุดออกจากที่เดิม ซึ่งลิ่มเลือดที่หลุดนี้อาจไหลไปตามกระแสเลือดและเข้าสู่ปอด ทำให้เกิดภาวะอันตรายที่เรียกว่า Pulmonary Embolism (PE) ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
3.2 การเพิ่มความดันในเส้นเลือด
• คลื่นช็อคเวฟอาจทำให้ความดันในเส้นเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เส้นเลือดเกิดความเสียหายเพิ่มเติมหรือทำให้เส้นเลือดโป่งพอง นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ลิ่มเลือดขยายใหญ่ขึ้นหรือเส้นเลือดอุดตันหนักขึ้น
3.3 การกระตุ้นการอักเสบ
• การใช้ช็อคเวฟอาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่มีเส้นเลือดดำอุดตันเกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เส้นเลือดอุดตันแย่ลงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การใช้ช็อคเวฟในบริเวณที่มีเส้นเลือดดำอุดตันจึงถือว่าอันตรายและควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
@bnmclinic 3 ตำแหน่งห้ามทำ Shockwave #กายภาพบำบัด #ออฟฟิศซินโดรม #ปวดหลังปวดเอว #สุขภาพดีที่ทำงาน #กายภาพ ♬ Vlog ・ Stylish city pop(1275391) – orino