ออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร (Office Syndrome)

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คือกลุ่มอาการปวดเมื่อยเรื้อรังที่มักเกิดจากพฤติกรรมการทำงานซ้ำ ๆ ในท่าเดิมเป็นเวลานาน เช่น นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไป ยกของผิดท่า หรือใช้โทรศัพท์ในท่าก้มคอนาน ๆ ส่งผลให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ หลัง หรือมีอาการชา แขน–มือ ร่วมด้วย

ปัจจุบันออฟฟิศซินโดรมไม่ได้เกิดเฉพาะ “คนทำงานออฟฟิศ” เท่านั้น แต่สามารถเกิดได้กับทุกคนที่มีพฤติกรรม “อยู่ในท่าทางซ้ำ ๆ นานเกินไป” เช่น นักเรียน นักศึกษา หรือฟรีแลนซ์ที่นั่งทำงานจากบ้าน


สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม

  1. นั่งทำงานท่าเดิมนานเกินไป
    เช่น นั่งหลังค่อม ไหล่ห่อ หรือก้มคอดูจอเป็นเวลาหลายชั่วโมง
  2. โต๊ะ–เก้าอี้ไม่เหมาะสมกับสรีระ
    ทำให้ต้องก้ม หรือเอื้อมอยู่ตลอดเวลา
  3. พักผ่อนน้อย หรือความเครียดสะสม
    ความเครียดทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งและปวดเมื่อยมากขึ้น
  4. ขาดการออกกำลังกาย
    กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี
  5. ยกของหนักหรือใช้แขนข้างเดียวนาน ๆ
    เช่น ใช้เมาส์ หรือถือโทรศัพท์มือเดียวตลอดเวลา

อาการของออฟฟิศซินโดรม

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณ คอ บ่า ไหล่ หลัง
  • รู้สึกตึงหรือชาใน ต้นแขน–ปลายมือ
  • ปวดหัวหรือปวดท้ายทอย
  • เวียนหัว ตาพร่า จากการใช้งานคอมพิวเตอร์นาน
  • บางรายอาจมีอาการ ชาหรือปวดร้าวลงแขน

การรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยกายภาพบำบัด

กายภาพบำบัด (Physical Therapy) ช่วยบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมได้อย่างตรงจุด โดยนักกายภาพจะประเมินต้นเหตุของอาการ แล้วออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เช่น

  • คลายกล้ามเนื้อด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด
    เช่น Shockwave, PMS Therapy, เลเซอร์ลดอักเสบ, Ultrasound หรือ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (TENS)
  • นวดและยืดกล้ามเนื้อเฉพาะจุด
    เพื่อคลายพังผืดและลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
  • ฝึกท่าทางการยืดเหยียด (Stretching Exercise)
    เพื่อปรับสมดุลกล้ามเนื้อและลดอาการกลับมาเป็นซ้ำ
  • สอนปรับท่าทางการทำงาน (Ergonomic Adjustment)
    เช่น การจัดโต๊ะคอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับสรีระ
  • โปรแกรมออกกำลังกายเฉพาะบุคคล (Exercise Program)
    เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางและหลัง

วิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรม

  1. เปลี่ยนท่าทางทุก 30–60 นาที
    ลุกขึ้นยืดเหยียด เดินบ้างระหว่างวัน
  2. จัดโต๊ะทำงานให้เหมาะสม
    หน้าจออยู่ระดับสายตา เก้าอี้รองรับหลังได้ดี
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
    โดยเฉพาะท่าบริหารคอ บ่า ไหล่ และหลัง, การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
  4. พักสายตาและคลายกล้ามเนื้อเป็นประจำ
  5. ผ่อนคลายความเครียดและนอนหลับให้เพียงพอ

บทสรุป

ออฟฟิศซินโดรมเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องนั่งทำงานในท่าเดิมๆ เป็นเวลานาน การป้องกันและรักษาออฟฟิศซินโดรมสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการทำงานและการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างสม่ำเสมอ การรู้จักยืดกล้ามเนื้อและพักผ่อนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ต้องเสี่ยงต่อการเกิดออฟฟิศซินโดรม


คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. Q: ออฟฟิศซินโดรมรักษาได้หรือไม่?
    A: ออฟฟิศซินโดรมสามารถรักษาได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการทำงานและการทำกายภาพบำบัด
  2. Q: ควรทำอย่างไรหากเริ่มมีอาการออฟฟิศซินโดรม?
    A: ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดเพื่อรับคำแนะนำในการรักษา
  3. Q: การยืดกล้ามเนื้อช่วยป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้หรือไม่?
    A: การยืดกล้ามเนื้อสามารถช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรมได้
  4. Q: ทำงานเป็นเวลานานควรพักผ่อนอย่างไร?
    A: ควรหยุดพักทุกๆ 30 นาที และยืดกล้ามเนื้อเพื่อคลายความตึงเครียด
  5. Q: ควรปรับเก้าอี้และโต๊ะทำงานอย่างไรเพื่อป้องกันออฟฟิศซินโดรม?
    A: ปรับระดับเก้าอี้ให้ขาสองข้างอยู่ที่พื้น และปรับความสูงของโต๊ะให้อยู่ในระดับที่สายตาอยู่ในแนวตรงกับหน้าจอคอมพิวเตอร์
Scroll to Top