หลายคนอาจมีอาการปวดเมื่อย เคลื่อนไหวลำบาก หรือรู้สึกชา ๆ เสียว ๆ แล้วเกิดคำถามว่า “ต้องทำกายภาพบำบัดไหม?” บทความนี้จะช่วยให้คุณเช็กอาการเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง พร้อมคำแนะนำว่า อาการแบบไหนควรรีบพบ “นักกายภาพบำบัด” ก่อนจะเรื้อรังและกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน
กายภาพบำบัดคืออะไร? ทำไมใคร ๆ ถึงแนะนำ
กายภาพบำบัด (Physical Therapy) คือ การดูแลและฟื้นฟูร่างกายโดยไม่ใช้ยา ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เทคนิค เช่น การนวด, การดัดดึง, เครื่องมือบำบัด เช่น คลื่นเสียง (Ultrasound), ช็อกเวฟ (Shockwave), การกระตุ้นไฟฟ้า (PMS) เป็นต้น รวมถึงการออกกำลังกายเฉพาะจุด เพื่อช่วยลดปวด ลดอักเสบ และฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
เช็กให้ชัวร์! 6 อาการนี้ควรทำกายภาพบำบัด
1. ปวดกล้ามเนื้อ ข้อต่อ หรือปวดซ้ำเดิมเป็นประจำ

- ปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง
- ปวดเข่า หรือข้อเท้าเวลาเดิน
- ปวดจากการนั่งทำงานนาน ๆ (ออฟฟิศซินโดรม)
สัญญาณเตือน: ถ้าปวดแบบเดิมซ้ำ ๆ มากกว่า 2 สัปดาห์ และพักแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำให้ปรึกษานักกายภาพบำบัดทันที
2. ชา หรือเสียวซ่าตามแขน ขา นิ้วมือ

อาการเหล่านี้อาจเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือกล้ามเนื้อรัดเส้นประสาท การทำกายภาพช่วยปรับท่าทาง คลายการกดทับ และลดอาการชาได้
3. บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายหนักเกินไป

- ข้อพลิก เอ็นอักเสบ กล้ามเนื้อฉีก
- เจ็บหลังออกกำลังกายแล้วไม่หาย
การทำกายภาพจะช่วยฟื้นฟูและป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ
4. เคลื่อนไหวลำบาก ขยับตัวไม่ได้เหมือนเดิม

- ยกแขนไม่ขึ้น หลังผ่าตัด
- ข้อฝืด เดินลำบาก เสียการทรงตัว
นักกายภาพบำบัดสามารถออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคลเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวอย่างปลอดภัย
5. กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเริ่มลีบ

- กล้ามเนื้อบางจุดไม่มีกำลัง
- รู้สึกขาไม่มีแรง เดินไม่มั่นคง
อาจเป็นผลจากอุบัติเหตุ เส้นประสาทผิดปกติ หรือพักฟื้นนานเกินไป ต้องรีบฟื้นฟูโดยด่วน
6. อาการเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการนวดหรือใช้ยา

ถ้าคุณนวดเท่าไรก็ยังปวด หรือกินยาบ่อย ๆ แต่อาการกลับมาอีก กายภาพบำบัดอาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
ทำไมไม่ควรรอ?
การปล่อยให้อาการปวดหรือบาดเจ็บเรื้อรัง อาจทำให้ฟื้นตัวได้ยากขึ้นในอนาคต การเริ่มทำกายภาพบำบัดตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ร่างกายกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ปลอดภัย และลดโอกาสเกิดซ้ำในระยะยาว
สรุป ควรทำกายภาพบำบัดไหม?
หากคุณมีอาการปวด ชา อ่อนแรง หรือเคลื่อนไหวลำบาก ไม่ควรปล่อยไว้เฉย ๆ
แนะนำให้เช็กกับนักกายภาพบำบัด เพื่อประเมินอาการและวางแผนการฟื้นฟูที่เหมาะสมกับคุณ






