กล้ามเนื้ออักเสบ (Muscle Strain)

กล้ามเนื้ออักเสบ (Muscle Strain) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย มักเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป ออกแรงผิดท่า หรือได้รับการบาดเจ็บเฉียบพลัน ทำให้เกิดการฉีกขาดเล็กน้อยของเส้นใยกล้ามเนื้อ ส่งผลให้มีอาการปวด บวม ตึง และเคลื่อนไหวได้ลำบาก หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจทำให้การฟื้นตัวล่าช้าและกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน


สาเหตุของกล้ามเนื้ออักเสบ

กล้ามเนื้ออักเสบสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • การออกกำลังกายหนักเกินไป หรือไม่วอร์มอัพก่อนออกกำลัง
  • ยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้อง
  • การใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • การหกล้ม อุบัติเหตุ หรือการกระแทกโดยตรง
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือยืดหยุ่นไม่เพียงพอ

อาการของกล้ามเนื้ออักเสบ

ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้ออักเสบ มักพบอาการดังนี้

  • ปวดเฉพาะจุด โดยเฉพาะเวลาขยับหรือออกแรง
  • กล้ามเนื้อตึงแข็ง กดเจ็บ
  • อาจมีอาการบวม หรือมีรอยช้ำร่วมด้วย
  • เคลื่อนไหวได้จำกัด หรือรู้สึกอ่อนแรงในกล้ามเนื้อส่วนนั้น
  • ในบางกรณี หากการฉีกขาดรุนแรง อาจมีเสียง “ป๊อบ” ขณะบาดเจ็บ

การวินิจฉัย

นักกายภาพบำบัดหรือแพทย์จะประเมินจากประวัติการใช้งานกล้ามเนื้อ การตรวจร่างกาย และบางกรณีอาจใช้การตรวจเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวด์ (Ultrasound) หรือ MRI เพื่อดูระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บ

การแบ่งระดับความรุนแรงของกล้ามเนื้ออักเสบ

  1. กล้ามเนื้ออักเสบระดับที่ 1 (Mild Strain)
    • เส้นใยกล้ามเนื้อฉีกขาดเพียงเล็กน้อย
    • มีอาการปวดตึง แต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้เกือบปกติ
    • มักไม่ค่อยบวม หรือบวมน้อยมาก
    • ใช้เวลาในการฟื้นตัวประมาณ 1–3 สัปดาห์
  2. กล้ามเนื้ออักเสบระดับที่ 2 (Moderate Strain)
    • มีการฉีกขาดของเส้นใยกล้ามเนื้อมากขึ้น
    • อาการปวดชัดเจน เคลื่อนไหวลำบาก
    • อาจมีบวมและรอยช้ำร่วมด้วย
    • มักใช้เวลาพักฟื้น 4–8 สัปดาห์ และต้องได้รับการกายภาพบำบัดร่วมด้วย
  3. กล้ามเนื้ออักเสบระดับที่ 3 (Severe Strain)
    • กล้ามเนื้อฉีกขาดเกือบทั้งหมด หรือทั้งหมด
    • ปวดรุนแรง ไม่สามารถขยับหรือออกแรงได้
    • มีอาการบวมมากและอาจเห็นความผิดรูปของกล้ามเนื้อ
    • มักต้องรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับการกายภาพบำบัด ใช้เวลาฟื้นตัวหลายเดือน

แนวทางการรักษาและกายภาพบำบัด

  1. การพักและประคบ (Rest & Ice)
    • พักการใช้งานกล้ามเนื้อส่วนนั้น และประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรกเพื่อลดอาการปวดและบวม
  2. การทำกายภาพบำบัด
    • อัลตราซาวด์บำบัด (Therapeutic Ultrasound): ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
    • เลเซอร์ (High Power Laser Therapy): ลดปวดและเร่งการหายของกล้ามเนื้อ
    • Shockwave Therapy: ใช้ในกรณีอาการเรื้อรัง เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ
    • การออกกำลังกายฟื้นฟู (Rehabilitation Exercise): เน้นการยืดเหยียดและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออย่างค่อยเป็นค่อยไป
    • เทคนิค Manual Therapy: การนวดกดจุด หรือการยืดกล้ามเนื้อโดยนักกายภาพบำบัด
  3. การป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ
    • วอร์มอัพและคูลดาวน์ทุกครั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย
    • เลือกท่าทางที่ถูกต้องเมื่อต้องยกของหรือใช้งานร่างกาย
    • เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ

เมื่อใดควรพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด

  • หากอาการปวดและบวมไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน
  • มีอาการปวดรุนแรง เคลื่อนไหวไม่ได้
  • มีรอยช้ำหรือบวมขนาดใหญ่
  • เคยบาดเจ็บซ้ำที่ตำแหน่งเดิมหลายครั้ง

สรุป

กล้ามเนื้ออักเสบ (Muscle Strain) อาจดูเหมือนอาการเล็กน้อย แต่หากละเลยการรักษา อาจพัฒนาไปสู่การบาดเจ็บเรื้อรังและกระทบต่อการใช้ชีวิตได้ การทำกายภาพบำบัดอย่างถูกวิธีจะช่วยลดการอักเสบ ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Scroll to Top