นิ้วล็อค หรือ Trigger Finger เป็นอาการที่หลายคนมักเข้าใจว่า “แค่นิ้วติด” แต่แท้จริงแล้วเป็นภาวะที่เกิดจาก การอักเสบของเส้นเอ็นงอนิ้วมือ ทำให้เกิดอาการ “งอแล้วเหยียดนิ้วไม่ออก” หรือ “สะดุด” เวลาขยับนิ้ว อาการนี้พบได้บ่อยในวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้มือซ้ำ ๆ เช่น พิมพ์คอมพิวเตอร์ จับโทรศัพท์ หรือหยิบของตลอดเวลา
อาการของนิ้วล็อคที่ควรสังเกต
ผู้ที่มีภาวะนิ้วล็อคอาจมีอาการแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของการอักเสบ โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะหลัก ๆ ดังนี้
- ระยะเริ่มต้น:
รู้สึกตึงหรือเจ็บบริเวณโคนนิ้ว โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังตื่นนอน - ระยะปานกลาง:
เวลางอนิ้วจะมีเสียง “คลิก” หรือรู้สึกสะดุด ต้องใช้อีกมือช่วยเหยียดนิ้ว - ระยะรุนแรง:
นิ้วติดล็อคค้าง เหยียดนิ้วไม่ได้ หรือมีอาการปวดมากจนรบกวนการใช้มือในชีวิตประจำวัน
อาการมักเกิดกับ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วนาง และ นิ้วกลาง มากที่สุด
สาเหตุของนิ้วล็อค
ภาวะนิ้วล็อคเกิดจาก เส้นเอ็นงอนิ้ว (Flexor tendon) อักเสบและหนาตัวขึ้น จนเคลื่อนไหวผ่านปลอกหุ้มเส้นเอ็นได้ยาก ส่งผลให้เกิดการสะดุดหรือติดค้างขณะงอหรือเหยียดนิ้ว
ปัจจัยเสี่ยงของนิ้วล็อค ได้แก่
- การใช้มือซ้ำ ๆ เช่น พิมพ์งาน จับเครื่องมือ หรือกำของแน่นเป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- การอักเสบจากการบาดเจ็บเล็กน้อยที่นิ้วหรือฝ่ามือ
- ผู้หญิงวัยกลางคนมีโอกาสเกิดมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย
วิธีรักษานิ้วล็อคด้วยกายภาพบำบัด
สำหรับผู้ที่มีอาการนิ้วล็อคระยะเริ่มต้นหรือปานกลาง การทำกายภาพบำบัด เป็นทางเลือกที่ได้ผลดีและปลอดภัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อ
- ลดการอักเสบและอาการปวด
- เพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเอ็น
- ป้องกันการเกิดพังผืด
- ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของนิ้วให้กลับมาใช้งานได้ปกติ
เทคนิคกายภาพบำบัดที่นิยมใช้
- อัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy)
ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และบรรเทาอาการปวด - การนวดและยืดเหยียดเส้นเอ็น
ช่วยคลายกล้ามเนื้อและพังผืดรอบเส้นเอ็นให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น - การประคบอุ่น
ทำให้เลือดไหลเวียนดี ลดอาการตึงของนิ้ว - แบบฝึกบริหารนิ้ว (Exercise Program)
เช่น การกำลูกบอลนุ่ม ๆ การขยับนิ้วในน้ำอุ่น หรือใช้ยางยืดช่วยฝึกเหยียด - การเทปพยุง (Taping / Splinting)
ใช้เทปหรือเฝือกอ่อนพยุงนิ้วเพื่อลดแรงกดที่เส้นเอ็นอักเสบ
เคล็ดลับดูแลตนเองเมื่อมีอาการนิ้วล็อค
- หลีกเลี่ยงการใช้งานมือซ้ำ ๆ หรือกำของแน่น
- พักนิ้วเมื่อมีอาการปวดหรือรู้สึกตึง
- ประคบอุ่นวันละ 2–3 ครั้ง ครั้งละ 10–15 นาที
- หมั่นบริหารนิ้วเบา ๆ เพื่อป้องกันการยึดติดของเส้นเอ็น
- หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ ควรปรึกษานักกายภาพบำบัดหรือแพทย์เฉพาะทาง
ทำไมควรรักษานิ้วล็อคกับนักกายภาพบำบัด
การรักษากับนักกายภาพบำบัดจะช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างปลอดภัยและตรงจุด เพราะนักกายภาพบำบัดจะประเมินระดับความรุนแรงของอาการ ออกแบบโปรแกรมบำบัดเฉพาะบุคคล และแนะนำท่าบริหารที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
หากปล่อยให้นิ้วล็อคเป็นเวลานาน อาจทำให้เส้นเอ็นยึดติดหรือจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการทำกายภาพบำบัดในระยะต้น
สรุป
ภาวะ นิ้วล็อค เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทำงานและผู้สูงอายุ แม้จะไม่ร้ายแรงแต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การเข้ารับกายภาพบำบัดนิ้วล็อค ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
หากคุณเริ่มรู้สึก “งอนิ้วแล้วสะดุด เหยียดนิ้วไม่ออก” อย่าปล่อยไว้นาน
รีบปรึกษานักกายภาพบำบัด เพื่อรับการประเมินและรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้มือของคุณกลับมาใช้งานได้อย่างเป็นปกติอีกครั้ง






