อาการเจ็บสะบ้า (Patellofemoral Pain Syndrome)

Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS) หรือที่เรียกกันว่า “Runner’s Knee” เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มอาการปวดที่เกิดจากข้อต่อสะบ้าหัวเข่า (patellofemoral joint) หรือเนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ ข้อต่อนี้ ซึ่งพบได้บ่อยในนักกีฬา ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก และบุคคลทั่วไปที่มีพฤติกรรมการใช้เข่าที่ไม่เหมาะสม โดยเป็นภาวะเรื้อรังที่มักแย่ลงเมื่อทำกิจกรรม เช่น การนั่งยอง ๆ, การนั่งเป็นเวลานาน, การขึ้น-ลงบันได และการวิ่ง

ในอดีต PFPS เคยถูกเรียกว่า “อาการปวดเข่าด้านหน้า” แต่คำนี้อาจทำให้เข้าใจผิด เพราะความเจ็บปวดสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกตำแหน่งของเข่า รวมถึงบริเวณด้านหลังหัวเข่า (popliteal fossa) อาการอาจพัฒนาอย่างช้า ๆ หรือเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันก็ได้

สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการปวดเข่าด้านหน้า

นอกจาก PFPS แล้ว ยังมีภาวะอื่นที่อาจทำให้เกิดอาการปวดเข่าด้านหน้า ได้แก่

  1. Osteoarthritis (ข้อเข่าเสื่อม) – พบบ่อยในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีประวัติใช้งานข้อเข่าหนัก
  2. Patellar Tendinitis (Jumper’s Knee) – การอักเสบของเส้นเอ็นใต้สะบ้า มักพบในนักกีฬาที่กระโดดบ่อย
  3. Chondromalacia Patella (กระดูกอ่อนใต้สะบ้าเสื่อม) – เกิดจากการเสียดสีของกระดูกสะบ้ากับกระดูกต้นขา
  4. Bursitis (ถุงน้ำรอบเข่าอักเสบ) – การอักเสบของถุงน้ำรอบข้อเข่า
  5. Quadriceps Weakness หรือ Muscle Imbalance – ความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อรอบเข่า

ลักษณะอาการ

อาการที่พบบ่อยที่สุดของ PFPS คือ อาการปวดแบบตื้อ ๆ และปวดลึกบริเวณด้านหน้าของหัวเข่า อาการปวดนี้มักจะค่อย ๆ เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ต้องใช้เข่าเป็นหลัก โดยอาจเกิดขึ้นที่เข่าข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง

  • ปวดขณะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องงอเข่าซ้ำ ๆ เช่น การขึ้น-ลงบันได, วิ่ง, กระโดด หรือการนั่งยอง ๆ
  • ปวดบริเวณด้านหน้าของหัวเข่าหลังจากนั่งนาน ๆ ขณะงอเข่า เช่น ระหว่างดูหนัง, ขับรถ หรือโดยสารเครื่องบิน
  • ปวดที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงระดับกิจกรรม เช่น การเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกาย, การเปลี่ยนพื้นผิวที่เล่นกีฬา หรือการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้
  • มีเสียง “ลั่น” หรือ “กรอบแกรบ” ในเข่า ขณะขึ้น-ลงบันได หรือเมื่อลุกขึ้นยืนหลังจากนั่งเป็นเวลานาน

สาเหตุของ Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS)

PFPS มักเกิดจากการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป (Overuse) หรือการเคลื่อนตัวผิดปกติของกระดูกสะบ้า (Patellar Malalignment) ซึ่งทำให้เกิดแรงกดที่ไม่เหมาะสมบริเวณข้อต่อสะบ้าหัวเข่า

1. การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป (Overuse)

PFPS มักเกิดจากกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูงและต้องใช้เข่าซ้ำ ๆ เช่น

  • การวิ่งจ๊อกกิ้ง
  • การนั่งยอง ๆ
  • การขึ้น-ลงบันได

การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางกายอย่างฉับพลันก็อาจทำให้เกิด PFPS ได้ เช่น

  • เพิ่มจำนวนวันออกกำลังกายต่อสัปดาห์
  • เพิ่มระยะเวลาหรือความเข้มข้นของการออกกำลังกาย (เช่น วิ่งระยะทางไกลขึ้น)

ปัจจัยอื่นที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ PFPS ได้แก่

  • เทคนิคการฝึกกีฬาและการใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม
  • การเปลี่ยนรองเท้าหรือพื้นผิวที่ใช้เล่นกีฬา (เช่น เปลี่ยนจากสนามหญ้าธรรมชาติเป็นสนามหญ้าเทียม)

2. การเคลื่อนตัวผิดปกติของกระดูกสะบ้า (Patellar Malalignment)

PFPS สามารถเกิดจากการที่กระดูกสะบ้าเคลื่อนออกด้านข้างของร่อง trochlear ขณะงอเข่า ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกดมากขึ้นระหว่างกระดูกสะบ้ากับกระดูกต้นขา ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ เข่าเกิดการระคายเคือง

ปัจจัยที่ส่งผลให้กระดูกสะบ้าเคลื่อนผิดปกติ ได้แก่

  • ปัญหาทางโครงสร้างของขา เช่น
    • กระดูกสะบ้าเคลื่อนไปด้านนอกหรือด้านในมากเกินไป
    • กระดูกสะบ้าอยู่สูงกว่าปกติ (Patella Alta)
  • ความไม่สมดุลหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะที่
    • กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps Muscles) ซึ่งช่วยพยุงกระดูกสะบ้าให้อยู่ในแนวปกติ
    • กล้ามเนื้อสะโพกที่ใช้ในการหมุนและกางขาออก (Hip Abductors & External Rotators) ซึ่งช่วยควบคุมตำแหน่งของกระดูกต้นขา

การรักษาทางกายภาพบำบัด

1. พักการใช้งานข้อเข่า

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวด เช่น การวิ่งหรือกระโดด
  • หากจำเป็นต้องออกกำลังกาย ควรเลือกการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน

2. การออกกำลังกาย

  • การเสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขา
    • Squat
    • Lunge
  • การยืดกล้ามเนื้อ
    • ยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและด้านหลังเพื่อลดแรงดึงที่สะบ้า
  • การฝึกสมดุลและควบคุมท่าทาง
    • ฝึกบริหารข้อสะโพกและแกนกลางลำตัวเพื่อลดแรงกดที่ข้อเข่า

3. การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด

  • Taping (การพันผ้าพยุง) – ช่วยพยุงแนวสะบ้าให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
  • Ultrasound Therapy – ใช้คลื่นเสียงเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดอาการปวด
  • Electrotherapy (TENS) – ใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อลดอาการปวด

4. การเปลี่ยนพฤติกรรมและการป้องกัน

  • ใส่รองเท้าที่รองรับแรงกระแทกดี
  • หลีกเลี่ยงการนั่งท่าที่ทำให้เข่าอยู่ในมุมแคบเกินไป
  • ปรับท่าวิ่งหรือท่าออกกำลังกายให้เหมาะสม

สรุป

Patellofemoral Pain Syndrome เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่ออกกำลังกายหนักหรือมีการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป การทำกายภาพบำบัดและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสามารถช่วยลดอาการปวดและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS)

1. Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS) คืออะไร?

PFPS เป็นอาการปวดเข่าที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีผิดปกติระหว่างกระดูกสะบ้า (Patella) และกระดูกต้นขา (Femur) หรือจากการระคายเคืองของเนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ ข้อต่อสะบ้าหัวเข่า

2. อะไรเป็นสาเหตุของ PFPS?

  • การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป (Overuse) เช่น วิ่ง, กระโดด, ขึ้น-ลงบันไดบ่อย ๆ
  • การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางกายอย่างฉับพลัน เช่น เพิ่มความหนักของการออกกำลังกาย
  • โครงสร้างของขาที่ผิดปกติ เช่น กระดูกสะบ้าเคลื่อนผิดแนว (Patellar Malalignment)
  • กล้ามเนื้อไม่สมดุลหรืออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps) และกล้ามเนื้อสะโพก

3. PFPS สามารถรักษาได้หรือไม่?

สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น

  • การพักผ่อนและลดกิจกรรมที่กระตุ้นอาการ
  • การทำกายภาพบำบัด เช่น บริหารกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพก
  • การใช้เทปพยุงเข่าหรือสนับเข่า เพื่อช่วยลดแรงกดที่กระดูกสะบ้า
  • การปรับเปลี่ยนรองเท้า เพื่อให้มีการรองรับแรงกระแทกที่ดีขึ้น

4. ควรออกกำลังกายอย่างไรหากเป็น PFPS?

ควรเลือกกิจกรรมที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน หรือโยคะ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องงอเข่าซ้ำ ๆ หรือมีแรงกระแทกสูง เช่น วิ่งหรือกระโดด

5. PFPS สามารถป้องกันได้อย่างไร?

  • ออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกให้แข็งแรง
  • ใช้รองเท้าที่เหมาะสมและรองรับแรงกระแทกได้ดี
  • ควบคุมน้ำหนักตัว เพื่อลดแรงกดที่ข้อเข่า
  • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางกายอย่างฉับพลัน
Scroll to Top