Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS) หรือที่เรียกกันว่า “Runner’s Knee” เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มอาการปวดที่เกิดจากข้อต่อสะบ้าหัวเข่า (patellofemoral joint) หรือเนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ ข้อต่อนี้ ซึ่งพบได้บ่อยในนักกีฬา ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก และบุคคลทั่วไปที่มีพฤติกรรมการใช้เข่าที่ไม่เหมาะสม โดยเป็นภาวะเรื้อรังที่มักแย่ลงเมื่อทำกิจกรรม เช่น การนั่งยอง ๆ, การนั่งเป็นเวลานาน, การขึ้น-ลงบันได และการวิ่ง
ในอดีต PFPS เคยถูกเรียกว่า “อาการปวดเข่าด้านหน้า” แต่คำนี้อาจทำให้เข้าใจผิด เพราะความเจ็บปวดสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกตำแหน่งของเข่า รวมถึงบริเวณด้านหลังหัวเข่า (popliteal fossa) อาการอาจพัฒนาอย่างช้า ๆ หรือเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันก็ได้

สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการปวดเข่าด้านหน้า
นอกจาก PFPS แล้ว ยังมีภาวะอื่นที่อาจทำให้เกิดอาการปวดเข่าด้านหน้า ได้แก่
- Osteoarthritis (ข้อเข่าเสื่อม) – พบบ่อยในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีประวัติใช้งานข้อเข่าหนัก
- Patellar Tendinitis (Jumper’s Knee) – การอักเสบของเส้นเอ็นใต้สะบ้า มักพบในนักกีฬาที่กระโดดบ่อย
- Chondromalacia Patella (กระดูกอ่อนใต้สะบ้าเสื่อม) – เกิดจากการเสียดสีของกระดูกสะบ้ากับกระดูกต้นขา
- Bursitis (ถุงน้ำรอบเข่าอักเสบ) – การอักเสบของถุงน้ำรอบข้อเข่า
- Quadriceps Weakness หรือ Muscle Imbalance – ความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อรอบเข่า
ลักษณะอาการ
อาการที่พบบ่อยที่สุดของ PFPS คือ อาการปวดแบบตื้อ ๆ และปวดลึกบริเวณด้านหน้าของหัวเข่า อาการปวดนี้มักจะค่อย ๆ เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ต้องใช้เข่าเป็นหลัก โดยอาจเกิดขึ้นที่เข่าข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
- ปวดขณะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องงอเข่าซ้ำ ๆ เช่น การขึ้น-ลงบันได, วิ่ง, กระโดด หรือการนั่งยอง ๆ
- ปวดบริเวณด้านหน้าของหัวเข่าหลังจากนั่งนาน ๆ ขณะงอเข่า เช่น ระหว่างดูหนัง, ขับรถ หรือโดยสารเครื่องบิน
- ปวดที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงระดับกิจกรรม เช่น การเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกาย, การเปลี่ยนพื้นผิวที่เล่นกีฬา หรือการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้
- มีเสียง “ลั่น” หรือ “กรอบแกรบ” ในเข่า ขณะขึ้น-ลงบันได หรือเมื่อลุกขึ้นยืนหลังจากนั่งเป็นเวลานาน
สาเหตุของ Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS)
PFPS มักเกิดจากการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป (Overuse) หรือการเคลื่อนตัวผิดปกติของกระดูกสะบ้า (Patellar Malalignment) ซึ่งทำให้เกิดแรงกดที่ไม่เหมาะสมบริเวณข้อต่อสะบ้าหัวเข่า

1. การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป (Overuse)
PFPS มักเกิดจากกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูงและต้องใช้เข่าซ้ำ ๆ เช่น
- การวิ่งจ๊อกกิ้ง
- การนั่งยอง ๆ
- การขึ้น-ลงบันได
การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางกายอย่างฉับพลันก็อาจทำให้เกิด PFPS ได้ เช่น
- เพิ่มจำนวนวันออกกำลังกายต่อสัปดาห์
- เพิ่มระยะเวลาหรือความเข้มข้นของการออกกำลังกาย (เช่น วิ่งระยะทางไกลขึ้น)
ปัจจัยอื่นที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ PFPS ได้แก่
- เทคนิคการฝึกกีฬาและการใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม
- การเปลี่ยนรองเท้าหรือพื้นผิวที่ใช้เล่นกีฬา (เช่น เปลี่ยนจากสนามหญ้าธรรมชาติเป็นสนามหญ้าเทียม)
2. การเคลื่อนตัวผิดปกติของกระดูกสะบ้า (Patellar Malalignment)
PFPS สามารถเกิดจากการที่กระดูกสะบ้าเคลื่อนออกด้านข้างของร่อง trochlear ขณะงอเข่า ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกดมากขึ้นระหว่างกระดูกสะบ้ากับกระดูกต้นขา ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ เข่าเกิดการระคายเคือง

ปัจจัยที่ส่งผลให้กระดูกสะบ้าเคลื่อนผิดปกติ ได้แก่
- ปัญหาทางโครงสร้างของขา เช่น
- กระดูกสะบ้าเคลื่อนไปด้านนอกหรือด้านในมากเกินไป
- กระดูกสะบ้าอยู่สูงกว่าปกติ (Patella Alta)
- ความไม่สมดุลหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะที่
- กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps Muscles) ซึ่งช่วยพยุงกระดูกสะบ้าให้อยู่ในแนวปกติ
- กล้ามเนื้อสะโพกที่ใช้ในการหมุนและกางขาออก (Hip Abductors & External Rotators) ซึ่งช่วยควบคุมตำแหน่งของกระดูกต้นขา
การรักษาทางกายภาพบำบัด
1. พักการใช้งานข้อเข่า
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวด เช่น การวิ่งหรือกระโดด
- หากจำเป็นต้องออกกำลังกาย ควรเลือกการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน
2. การออกกำลังกาย

- การเสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขา
- Squat
- Lunge
- การยืดกล้ามเนื้อ
- ยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและด้านหลังเพื่อลดแรงดึงที่สะบ้า
- การฝึกสมดุลและควบคุมท่าทาง
- ฝึกบริหารข้อสะโพกและแกนกลางลำตัวเพื่อลดแรงกดที่ข้อเข่า
3. การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด
- Taping (การพันผ้าพยุง) – ช่วยพยุงแนวสะบ้าให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- Ultrasound Therapy – ใช้คลื่นเสียงเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดอาการปวด
- Electrotherapy (TENS) – ใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อลดอาการปวด
4. การเปลี่ยนพฤติกรรมและการป้องกัน
- ใส่รองเท้าที่รองรับแรงกระแทกดี
- หลีกเลี่ยงการนั่งท่าที่ทำให้เข่าอยู่ในมุมแคบเกินไป
- ปรับท่าวิ่งหรือท่าออกกำลังกายให้เหมาะสม
สรุป
Patellofemoral Pain Syndrome เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่ออกกำลังกายหนักหรือมีการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป การทำกายภาพบำบัดและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสามารถช่วยลดอาการปวดและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS)
1. Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS) คืออะไร?
PFPS เป็นอาการปวดเข่าที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีผิดปกติระหว่างกระดูกสะบ้า (Patella) และกระดูกต้นขา (Femur) หรือจากการระคายเคืองของเนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ ข้อต่อสะบ้าหัวเข่า
2. อะไรเป็นสาเหตุของ PFPS?
- การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป (Overuse) เช่น วิ่ง, กระโดด, ขึ้น-ลงบันไดบ่อย ๆ
- การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางกายอย่างฉับพลัน เช่น เพิ่มความหนักของการออกกำลังกาย
- โครงสร้างของขาที่ผิดปกติ เช่น กระดูกสะบ้าเคลื่อนผิดแนว (Patellar Malalignment)
- กล้ามเนื้อไม่สมดุลหรืออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps) และกล้ามเนื้อสะโพก
3. PFPS สามารถรักษาได้หรือไม่?
สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
- การพักผ่อนและลดกิจกรรมที่กระตุ้นอาการ
- การทำกายภาพบำบัด เช่น บริหารกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพก
- การใช้เทปพยุงเข่าหรือสนับเข่า เพื่อช่วยลดแรงกดที่กระดูกสะบ้า
- การปรับเปลี่ยนรองเท้า เพื่อให้มีการรองรับแรงกระแทกที่ดีขึ้น
4. ควรออกกำลังกายอย่างไรหากเป็น PFPS?
ควรเลือกกิจกรรมที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน หรือโยคะ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องงอเข่าซ้ำ ๆ หรือมีแรงกระแทกสูง เช่น วิ่งหรือกระโดด
5. PFPS สามารถป้องกันได้อย่างไร?
- ออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกให้แข็งแรง
- ใช้รองเท้าที่เหมาะสมและรองรับแรงกระแทกได้ดี
- ควบคุมน้ำหนักตัว เพื่อลดแรงกดที่ข้อเข่า
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางกายอย่างฉับพลัน